วันจันทร์ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2553

ชีวิตคือการเดินทาง

ตอนที่ฉันยังเด็ก เคยได้ยินผู้หลักผู้ใหญ่พูดกันว่า
"ชีวิตคือการไปให้ถึงเป้าหมาย"

เมื่อฉันโตจนสามารถเข้าใจอะไรๆหลายๆสิ่งได้ด้วยตัวเอง
กลับเริ่มไม่แน่ใจว่าสิ่งที่เขาพูดกันนั้นมันจริง

ฉันยังจำเพลงของ Aerosmith ได้อย่างชัดเจน
"Life's a journey, not a destination"

ความรู้สึกฉันยิ่งชัดเจนมากขึ้น
ชีวิตคือการเดินทาง ไม่ใช่เป้าหมาย

แม้กระนั้นก็ยังงุนงงอยู่เล็กๆ ว่ามันเดินทางยังไงหว่า
ก็พอจะเข้าใจว่า มันคือการเดินทางไปในถนนแห่งชีวิต
ที่ต้องเจอและพบพานกับสิ่งต่างๆมากมายในชีวิต
ทั้งดีและร้าย ทั้งดีใจและเสียใจ
ทั้งรอยยิ้มเสียงหัวเราะและน้ำตา

เพลง นักเดินทาง ของ กัมปะนี คงจะอธิบายชีวิตของคน
ซึ่งเปรียบได้กับการเดินทางได้ดีที่สุด(ในความคิดของฉัน)

ชีวิตของฉันเจออะไรมาเยอะแยะมากมาย
ฉันเคยกินอยู่โรงเรียนประจำที่มีชื่อเสียงระดับประเทศ
เพื่อนร่วมหอนอนของฉันเป็นถึงกระทั่งลูกท่านหลานเธอ
ฉันเคยโดนรุมกระทืบ ขู่ฆ่า จนกระทั่งโดนเอาปืนจ่อหัว

ฉันเคยมีเพื่อนที่มีชื่อเสียงโด่งดัง เป็นที่รู้จักของคนมากมาย
แม้กระทั่งตัวฉันเองนั้น ก็ยังเป็นที่ยอมรับนับหน้าถือตาในวงสังคม

ฉันเคยประสบความสำเร็จในชีวิต มีเงินมีทองมากมาย
มีงานทำ เงินเดือนหลายหมื่นตั้งแต่ยังเรียนไม่จบ
เพื่อนฝูงมากมายห้อมล้อม ไปไหนไม่เคยเงียบเหงา

ฉันเคยตกต่ำ ไม่มีใครสนใจ เพื่อนฝูงที่เคยมีต่างหายหน้าหายตา
เงินไม่มีติดบ้านสักบาท ต้องไปเด็ดยอดผัก
และเก็บไข่เป็ดหลังบ้านมาประทังชีวิต

ฉันทำให้คนหลายๆคนผิดหวังในตัวฉัน
ทั้งพ่อแม่พี่น้อง วงศาคณาญาติ เพื่อนฝูง คนรัก
นี่กระมัง ที่ทำให้ฉันกลับกลายเป็นคนที่ไม่มีใครอยากจะคบหาด้วย
ฉันไม่มีคำพูดใดๆที่เหมาะสมไปกว่าคำว่า "ขอโทษ"
ให้แก่คนเหล่านั้น ที่ฉันทำให้เขาต้องเสียใจและผิดหวัง

ฉันเคยพลั้งปาก พูดจาให้ร้าย ยุแยง
บางครั้งก็แค่อารมณ์ บางครั้งก็ทำไปโดยไม่คิด

ฉันเคยติดยาอย่างหนัก
เคยแม้กระทั่งไปหมกตัวเองอยู่ในสลัม เพื่อที่จะเล่นยา
คลุกคลีอยู่กับพ่อค้ายาแถวนั้น

ชีวิตฉันมีทั้งสูงสุดและต่ำสุด
เคยมีเงินทองมากมายและเคยที่ไม่มีเงินเลยสักบาท
เคยมีเพื่อนฝูงห้อมล้อมและเคยไม่มีเพื่อนเหลือแม้สักคน

ตั้งแต่เกิดมาจนถึงวัยอายุขนาดนี้
บางครั้งฉันคิดว่ามันช่างรวดเร็วซะจนไม่น่าเชื่อ
เร็วซะจนมันเหมือนเป็นแค่ความฝัน
ภาพเก่าๆในความทรงจำก็ยังคงย้ำอยู่ในหัวใจตลอดเวลา
เป็นความทรงจำ เป็นประสบการณ์ เป็นบันทึกเล่นหนาที่ล้ำค่า
ดุจกระแสน้ำที่ยังไงๆก็จะไม่คืนกลับมา
เหลือเพียงแค่ความทรงจำ ทั้งดี และร้าย ปนเปกันไป

สิ่งที่ฉันเรียนรู้จากสิ่งที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ตั้งแต่เด็กจนโต
ก็คือ ไม่พบอะไรยั่งยืน จีรัง ดั่งที่เคยฝันไว้เมื่อยังเยาว์วัย
สิ่งที่จีรังความไม่จีรัง

ฉันยังคงเหลือหนทางที่จะไปได้อีกไม่มากนัก
และก็ยังเหลือระยะทางที่ไกลอีกโขที่จะต้องเดินต่อ
แต่ฉันก็จะเดินทางต่อไป

เก็บความจริงในการค้นหา เป็นบันทึกล้ำค่าและยิ่งใหญ่
เขียนเรื่องราว เอาไว้ในใจตลอดเวลา
ย้ำและเตือนในหัวใจเราตลอดเวลา

:)

1 ความคิดเห็น:

13 Double E กล่าวว่า...

"ยินดีต้อนรับ"
"ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพ" ;]